Home ข่าวฟุตบอลต่างประเทศ 6 กพ. 1958 ร่วมรำลึกโศกนาฏกรรมลูกหนัง เมืองมิวนิค เยอรมัน

6 กพ. 1958 ร่วมรำลึกโศกนาฏกรรมลูกหนัง เมืองมิวนิค เยอรมัน

0
1355

ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ถือเป็นวันที่น่าเศร้าโศกที่สุดในวงการลูกหนัง เนื่องจากเกิดเหตุโศกนาฏกรรมที่เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมัน ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 1958 วันนั้นทีมปิศาจแดง แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ทำศึก “ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก” (UEFA Champions League) ชื่อเก่า “ยูโรเปียนคัพ” (European Cup) รองก่อนรองชนะเลิศ นัดสุดท้ายกับทีม เรด สตาร์ เบลเกรด ที่ประเทศยูโกสลาเวีย หลังจากเสร็จศึกทางนักเตะ และทีมงานบางส่วน ขึ้นเครื่องกลับอังกฤษในไฟล์ต บริติช ยูโรเปี้ยน แอร์เวย์ 609 ท่ามกลางสภาพอากาศที่ไม่ค่อยจะดีนัก

ณ เวลานั้นที่สนามบินมิวนิคมีพายุหิมะเข้า จากนั้นเครื่องบินทำการบินขึ้นที่สนามบินมิวนิค แต่เกิดเหตุการณ์เครื่องบินขึ้นบินไม่สำเร็จทำให้ไถลไปชนกับรันเวย์ มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้รวม 23 คน จากผู้โดยสารทั้งหมด 40 คน และ 8 ใน 23 คนนั้นเป็นนักเตะจากทีมปิศาจแดงแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด(เจฟฟ์ เบน, เอ็ดดี้ โคลแมน, โรเจอร์ เบิร์น, มาร์ค โจนส์, ทอมมี่ เทย์เลอร์, เดวิด เพ็กก์, เลียม วีแลน และ ดันแค่ เอ็ดเวิร์ดส์ ) รวมถึงเจ้าหน้าที่ของทีม ผู้สื่อข่าวอีกหลายคน

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเศร้าสำหรับวงการลูกหนัง แต่ในเรื่องร้ายๆ ย่อมมีเรื่องดีเกิดขึ้นเสมอ มีหลายๆ สโมสรยื่นมือเข้ามาช่วยทีมปิศาจแดงในเวลานั้น ราชันชุดขาว “เรอัล มาดริด” จากสเปน แชมป์ยุโรปในปีนั้น ยินดีที่จะยกถ้วยรางวัลให้กับปิศาจแดง รวมทั้งาสนอออกค่าใช้จ่ายในการพานักเตะที่เหลือไปพักฟื้น และเยียวยาจิตใจที่สเปน และยินดีให้ยืมนักเตะตัวหลักของราชันชุดขาวในเวลานั้น เฟเรนซ์ ปุสกัส และ อัลเฟรโด ดิ สเตฟานโน แต่การยืมตัวไม่สำเร็จ ติดเรื่องค่าเหนื่อย และกฎของสมาคมฟุตบอลในอังกฤษในเวลานั้นด้วย

ไม่มีศัตรูที่ถาวร คำๆ นี้น่าจะเป็นคำที่เหมาะสมที่สุดเมื่อทีมคู่แค้นตลอดกาลอย่างหงส์แดงลิเวอร์พูล ที่เป้นอีกทีมหนึ่งที่แสดงถึงน้ำใจในวงการลูกหนังในเวลานั้น โดย บิล แชงค์ลี่ย์ กุนซือระดับตำนานของหงส์แดง ยื่นข้อเสนอให้ยืมตัวนักเตะชุดใหญ่ไปใช้ถึง 5 คน และทางหงส์แดงยินดีจะจ่ายค่าเหนื่อยทั้งหมดเอง เพื่อหวังให้คู่รักคู่แค้นฟื้นกลับมาโดยเร็ว

เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่แฟนบอลรุ่นหลังๆ ควรจะได้รู้ และเห็นว่าถึงแม้จะเป็นคู่แค้นกันแค่ไหน แต่สุดท้ายน้ำใจที่มีต่อกันเป็นเรื่องที่ดีงามมากกว่า นี่แหละที่มาของคำว่า “ฟุตบอลเป็นสิ่งที่สวยงาม”

Facebook Comments Box