ศึกยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกรอบรองชนะเลิศนัดที่สอง เมื่อคืนวันที่ 1 พฤษภาคม ที่ผ่านมา คู่ระหว่าง “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด เปิดบ้านรับการมาเยือนของ “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค ผลการแข่งขันปรากฎว่า เรอัล มาดริด เป็นฝ่ายได้ประตูขึ้นนำก่อนแต่สุดท้ายโดนบาเยิร์น มิวนิค ตามตีเสมอ 2-2 แต่ผลสกอร์อเวย์โกลรวมทั้งสองนัดทีมเรอัล มาดริดดีกว่า ทำให้ทะลุผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกไปได้ และเป็นสมัยที่ 16 แล้วกับการผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศของเรอัล มาดริด
เริ่มเกมการแข่งขันในครึ่งแรกมาได้แค่ 3 นาที เป็นทางฝั่งทีมเยือน บาเยิร์น มิวนิค ได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็ว จากการเปิดบอลเข้ามาหน้าประตูของฝั่งเจ้าบ้านมาดริด แต่ เซร์คิโอ รามอส สกัดบอลพลาดทำให้ โยชัว คิมมิค แบ็กขวาบาเยิร์น มิวนิค ยิงเข้าไป ไม่ทันไรนาทีที่ 11 มาดริด ยิงประตูตีเสมอได้ 1-1 โดย มาร์เซโล่ โยนบอลเข้าหัว คาริม เบนเซม่า กระโดดโหม่งผ่านมือผู้รักษาประตูเข้าไป และจบครึ่งแรกทั้งสองทีมเสมอกันไปด้วยสกอร์ 1-1
ต่อมาเริ่มในครึ่งหลัง นาทีที่ 46 เท่านั้น เรอัล มาดริด ได้ประตูขึ้นนำอีกครั้ง 2-1 จากจังหวะที่กองหลังบาเยิร์น มิวนิคส่งบอลกลับไปให้ผู้รักษาประตูแต่ลื่นผู้รักษาประตูลื่นล้ม และเป็นทาง คาริม เบนเซม่า วิ่งตามไปยิงเข้าประตูไป ถัดมาในนาที่ 63 บาเยิร์น มิวนิค ได้ประตูตีเสมออีกครั้ง 2-2 พอมีความหวังขึ้นมา เมื่อ ฮาเมส โรดริเกซ ตั้งป้อมซัดยิงติดกองหลัง แต่บอลยังกระดอนไม่ไปไหนและก็เป็น ฮาเมส โรดริเกซ วิ่งเข้ามายิงซ้ำเป็นประตูได้สำเร็จ แต่สุดท้ายจบเกมการแข่งขันบาเยิร์น มิวนิค ไม่สามารถพลิกกลับมาชนะได้ ทำให้ เรอัล มาดริด ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก