ลิโอเนล เมสซี่ หนึ่งในนักเตะที่ใครหลายคนว่ากันว่าเป็นนักเตะที่เก่งเป็นอันดับต้นๆ ของโลก เบียดแย่งตำแหน่งกันมาตลอดกับ คริสเตียนโน โรนัลโด้ ซึ่งถ้าพูดถึง เมสซี่ ในระดับสโมสรเขาประสบความสำดร็จมาทุกถ้วยทุกรายการหมดแล้ว รวมถึงรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีบังลงดอร์ก็ได้มาแล้ว แต่ถ้ามองกันในระดับประเทศ ประเทศของเขาในยุคสมัยของเขากลับไม่ประสบความสำเร็จเลย หลายคนจึงมั่นใจว่าเมสซี่จะพาทัพฟ้าขาวคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย แต่กลับกลายเป็นว่า “ฟ้าขาว” อาร์เจนตินา อาจจะกลับต้องตีตั๋วเครื่องบินบินกลับบ้านซะก่อนหลังจากที่พวกเขาเล่นมาแล้วสองนัดพวกเขากลับเก็บแต้มได้แค่แต้มเดียวจากการเสมอกับไอซ์แลนด์ในนัดแรก และในนัดที่สองเมื่อคืนทัพฟ้าขาวต้องเจอกับทีมขาติโครเอเชีย และกลายเป็นทีมชาติโครเอเชียที่ถล่มทัพฟ้าขาวเอาซะขาดลอยเลยไป 3-0
โดยลูกแรกเกิดจากความผิดพลาดของ กาบาเยโร ผู้รักษาประตูของ ฟ้าขาว ที่รับลูกส่งคืนหลังมาแล้วกะโชว์เหนือชิปข้ามหัว เอนเต้ เรบิช ตัวรุกของโครเอเชียที่วิ่งบีบเข้ามา แต่กลับกลายเป็นว่าชิปหาย ชิปข้ามหัวเรบิชไม่พ้น เดินถอยมาวอลเล่เต็มข้อบอลพุ่งตุงตาข่ายเสียไปประตูไปแบบไม่น่าเสีย 1-0 ในนาทีที่ 53
พอมาถึงช่วงท้ายเกม 10 นาทีก่อนทดเวลาทีมชิโครเอเชียขึ้นนำ 2-0 ลูก้า โมดิช เพลย์เมกเกอร์ตัวเก่งของทีมลากบอลตัดเข้ามาจากทางฝั่งซ้ายก่อนบรรจงปั่นด้วยขวา บอลหนีมือกาบาเยโรโค้งพุ่งเสียบเสาสองอย่างสวยงาม
ก่อนทดเวลาไม่กี่นาที ทีมชาติโครเอเชีย ได้จังหวะสวนกลับเร็วโดย อิวาน ราคิทิช ยิงไปติดเซฟกาบาเยโร แต่บอลไปเข้าเท้าของ โควาซิซ ที่สวนขึ้นมาพร้อมกันดึงจังหวะให้กาบาเยโรออกมาตัดบอลก่อนไหลให้ราคิทิชแบเข้าไปโล่งๆ 3-0
สรุปสถานการณ์ของกลุ่มดี ทีมที่น่าจะเข้ารอบตัดเชือกไปด้วยตำแหน่งแชมป์กลุ่มน่าจะเป็น ทีมชาติโครเอเชีย ที่เก็บชัยสองนัดรวดมี 6 แต้ม ส่วนทีมชาติไอซ์แลนด์ และทีมชาติอาร์เจนตินา ยังมีเพียงหนึ่งแต้มเท่ากัน แต่ลูกได้เสียของทีมชาติไอซ์แลนด์ดีกว่าแถมยังแข่งน้อยกว่าเพียงแค่หนึ่งนัดโดยคืนนี้พวกเขาจะมีคิวเตะกับทีมชาติไนจีเรีย ถ้าหากพวกเขาเอาชนะได้พวกเขาจะมี 4 แต้ม และนัดสุดท้ายไปเจอกับแชมป์กลุ่มทีมชาติโครเอเชียเพียงแค่ยันเสมอได้ก็เพียงพอต่อการเข้ารอบแล้ว